1. นำขี้เหล็กไปต้มในน้ำสะอาด 2- 3 ครั้ง แล้วบีบเอาน้ำออกให้แห้ง พักไว้
2. น้ำปลาเค็มและปลาดุกไปย่างจนสุก แกะเอาแต่เนื้อ พักไว้
3. นำส่วนผสมน้ำพริกมาโขลกให้ละเอียด ใส่เนื้อปลาดุกย่างโขลกให้ละเอียดเข้ากับน้ำพริก
4. นำเนื้อปลาเค็มย่างละลายลงในน้ำที่เตรียมไว้
5. ตั้งกระทะใส่กะทิ ½ กล่อง ใส่พริกแกงลงไปผัดให้หอมด้วยไฟอ่อน เคี่ยวให้แตกมัน เติมกะทิที่เหลือผัดให้แตกมันดี ใส่ขี้เหล็กลงผัด
6. ตักส่วนผสมข้อ 5 ใส่หม้อน้ำต้มปลาเค็ม เติมนมถั่วเหลืองตั้งไฟให้เดือด คนอย่าให้ติดก้นหม้อ
7. ปรุงด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ พอเดือดปิดไฟ
8. ตักเสิร์ฟใส่ถ้วย รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ
1 หน่วยบริโภคเท่ากับ 180 กรัม (2 ทัพพี)
อาหารชนิดนี้เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ นิ่ม เคี้ยวง่าย รสชาติไม่เผ็ดมาก เป็นอาหารไทยโบราณ ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในกลุ่มผู้สูงอายุ
หากไม่ใช้ปลาดุกก็สามารถใช้เนื้อสัตว์อื่น ๆ หั่นเป็นชิ้นใส่ในแกงได้ แต่ต้องย่างเพื่อให้มีกลิ่นหอมและน่ารับประทาน
แกงขี้เหล็กต้องหอมเครื่องแกง โดยเฉพาะกระชาย
ถ้าไม่ใช้ปลาเค็มต้ม สามารถใช้ปลาร้าแทนได้
ควรใช้ใบและดอกขี้เหล็กอย่างละครึ่ง และต้มถึง 3 ครั้ง ให้หายขมและผักต้องนิ่ม
เคี่ยวเครื่องแกงกับกะทิให้แตกมัน เพื่อให้กลิ่นหอมและสีสันน่ารับประทาน
ใบขี้เหล็กมีแคลเซียมที่ร่างกายนำไปใช้ได้ดี ทานใบขี้เหล็ก 1 ถ้วยได้แคลเซียมเท่ากับ นมครึ่งแก้ว
ใบขี้เหล็กมีธาตุเหล็กช่วยบำรุงเลือดและช่วยให้นอนหลับสบาย
บทเรียนที่สังเคราะห์องค์ความรู้จากผลงานวิจัยของสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
“eTraining@INMU บทเรียนที่สังเคราะห์องค์ความรู้จากผลงานวิจัยของสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล มาเป็นสื่อที่เหมาะสมกับผู้เรียนทั่วไป เน้นให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ทุกที่และทุกเวลาที่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ ในรูปแบบสื่อมัลติมีเดียอันประกอบด้วยสื่อที่เป็นข้อความ รูปภาพ เสียงและภาพ เคลื่อนไหว ซึ่งเป็นการสาธิตขั้นตอนการผลิตให้เข้าใจง่ายในทุกขั้นตอน เพื่อเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลด้านอาหารและโภชนาการ นำเสนอโดยอาจารย์ นักวิจัยของสถาบัน โภชนาการที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละเนื้อหาที่นำเสนอและจะเป็นผู้ตอบข้อคำถามให้กับผู้เรียน"
Page3